เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) กลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และ บริษัท โฟตอน มอเตอร์ ผู้นำด้านยานยนต์เชิงพาณิชย์อันดับหนึ่งของจีน ได้ร่วมมือเชิงกลยุทธ์ จัดตั้งบริษัทร่วมทุน “CP Foton Sales” สำหรับดำเนินธุรกิจด้านการขาย และ “Foton CP Motor” สำหรับการผลิตรถยนต์ เชิงพาณิชย์ในประเทศไทยขึ้น เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2562 โดยความร่วมมือครั้งนี้ มีเป้าหมาย เพื่อพัฒนาตลาดรถยนต์เชิงพาณิชย์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน พร้อมยกระดับระบบโลจิสติกส์ ด้วยผลิตภัณฑ์ยานยนต์คุณภาพสูง ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย มุ่งมั่นก้าวสู่การเป็น 1 ใน 3 แบรนด์ ยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ชั้นนำของไทย โดยความร่วมมือระหว่างสองบริษัทชั้นนำนี้ ส่งเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจยานยนต์แบบครบวงจรในประเทศไทย ทั้งด้านการผลิต การจัดจำหน่าย บริการหลังการขาย อะไหล่ และ การให้บริการเช่ารถเชิงพาณิชย์
ปัจจุบัน ซีพี โฟตอน มีโรงงานผลิตรถบรรทุกในประเทศไทย 1 แห่ง, ศูนย์กระจายอะไหล่ ภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 1 แห่ง, เครือข่ายผู้จำหน่าย และศูนย์บริการมาตรฐาน 22 แห่ง มีรถบรรทุกครอบคลุมทุกเซ้กเม้นท์การใช้งาน ทั้งรถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล มาตรฐานยูโร 5 จำนวน 12 รุ่น และ รถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จำนวน 10 รุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มรถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซีพีโฟตอน มียอดจดทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบกสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มรถบรรทุกและรถบรรทุกส่วนบุคคล ประจำปี 2567 อีกทั้งนโยบาย “30@30” และการยกระดับ มาตรฐานการปล่อยมลพิษของรัฐบาลไทย ยังส่งผลให้ ซีพี โฟตอน สามารถเติบโตในตลาดเมืองไทยได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2568 เป็นต้นไป ซีพี โฟตอน ตั้งเป้าที่จะผลิตรถบรรทุกเพื่อส่งออกและจำหน่ายในกลุ่มประเทศอาเซียน อีกด้วย
ยานยนต์เพื่อการพาณิชย์พลังงานไฟฟ้า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ของประเทศไทยรถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โฟตอน ได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ชั้นนำของไทย ผลจากการใช้งานจริงของผู้ประกอบการขนส่งที่ใช้รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า โฟตอน สามารถประหยัดต้นทุนน้ำมันและค่าบำรุงรักษา ได้ถึง 30%-50% เมื่อเปรียบเทียบกับรถบรรทุกเครื่องยนต์สันดาปประเภทเดียวกัน คิดเป็นค่าใช้จ่าย 1.5 บาท/กิโลเมตร อีกทั้งคุณสมบัติของรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า ยังไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ช่วยลดปัญหา PM2.5 ไร้เสียงรบกวน พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ช่วยให้ประหยัดพลังงานและปลอดภัยยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ประกอบการฯ สามารถปรับเปลี่ยนสู่การดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมสีเขียว หรือ ESG (Environment, Social & Governance) ได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) กลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และ บริษัท โฟตอน มอเตอร์ ผู้นำด้านยานยนต์เชิงพาณิชย์อันดับหนึ่งของจีน ได้ร่วมมือเชิงกลยุทธ์ จัดตั้งบริษัทร่วมทุน “CP Foton Sales” สำหรับดำเนินธุรกิจด้านการขาย และ “Foton CP Motor” สำหรับการผลิตรถยนต์ เชิงพาณิชย์ในประเทศไทยขึ้น เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2562 โดยความร่วมมือครั้งนี้ มีเป้าหมาย เพื่อพัฒนาตลาดรถยนต์เชิงพาณิชย์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน พร้อมยกระดับระบบโลจิสติกส์ ด้วยผลิตภัณฑ์ยานยนต์คุณภาพสูง ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย มุ่งมั่นก้าวสู่การเป็น 1 ใน 3 แบรนด์ ยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ชั้นนำของไทย โดยความร่วมมือระหว่างสองบริษัทชั้นนำนี้ ส่งเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจยานยนต์แบบครบวงจรในประเทศไทย ทั้งด้านการผลิต การจัดจำหน่าย บริการหลังการขาย อะไหล่ และ การให้บริการเช่ารถเชิงพาณิชย์
ปัจจุบัน ซีพี โฟตอน มีโรงงานผลิตรถบรรทุกในประเทศไทย 1 แห่ง, ศูนย์กระจายอะไหล่ ภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 1 แห่ง, เครือข่ายผู้จำหน่าย และศูนย์บริการมาตรฐาน 22 แห่ง มีรถบรรทุกครอบคลุมทุกเซ้กเม้นท์การใช้งาน ทั้งรถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล มาตรฐานยูโร 5 จำนวน 12 รุ่น และ รถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จำนวน 10 รุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มรถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซีพีโฟตอน มียอดจดทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบกสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มรถบรรทุกและรถบรรทุกส่วนบุคคล ประจำปี 2567 อีกทั้งนโยบาย “30@30” และการยกระดับ มาตรฐานการปล่อยมลพิษของรัฐบาลไทย ยังส่งผลให้ ซีพี โฟตอน สามารถเติบโตในตลาดเมืองไทยได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2568 เป็นต้นไป ซีพี โฟตอน ตั้งเป้าที่จะผลิตรถบรรทุกเพื่อส่งออกและจำหน่ายในกลุ่มประเทศอาเซียน อีกด้วย
ยานยนต์เพื่อการพาณิชย์พลังงานไฟฟ้า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ของประเทศไทย รถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โฟตอน ได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ชั้นนำของไทย ผลจากการใช้งานจริงของผู้ประกอบการขนส่งที่ใช้รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า โฟตอน สามารถประหยัดต้นทุนน้ำมันและค่าบำรุงรักษา ได้ถึง 30%-50% เมื่อเปรียบเทียบกับรถบรรทุกเครื่องยนต์สันดาปประเภทเดียวกัน คิดเป็นค่าใช้จ่าย 1.5 บาท/กิโลเมตร อีกทั้งคุณสมบัติของรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า ยังไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ช่วยลดปัญหา PM2.5 ไร้เสียงรบกวน พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ช่วยให้ประหยัดพลังงานและปลอดภัยยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ประกอบการฯ สามารถปรับเปลี่ยนสู่การดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมสีเขียว หรือ ESG (Environment, Social & Governance) ได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย